สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ ( อังกฤษ : Tottenham Hotspur F.C. ) เป็นสโมสรฟุตบอลของ อังกฤษ ปัจจุบันเล่นอยู่ใน พรีเมียร์ลีก รู้จักในนามสั้น ๆ ว่า “ สเปอร์ “ ( Spurs ) ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1882 มีสนามเหย้าคือ สนามกีฬาทอตนัมฮอตสเปอร์ และมีคำขวัญว่า “To dare is to do” ( “ จงกล้าที่จะทำ ” ) สีประจำสโมสรคือเสื้อสีขาวและกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินซึ่งใช้มาตั้งแต่ฤดูกาล 1898–99 สเปอร์ชนะเลิศ เอฟเอคัพ สมัยแรกใน ค.ศ. 1901 [ 1 ] ส่งผลให้พวกเขาเป็นสโมสรจากลีกสมัครเล่นเพียงทีมเดียวถึงปัจจุบันที่คว้าแชมป์ได้นับตั้งแต่ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ได้ก่อตั้งระบบการแข่งขันแบบลีกขึ้นใน ค.ศ. 1888 [ 2 ] สเปอร์ยังเป็นสโมสรแรกในศตวรรษที่ 20 ที่ชนะเลิศฟุตบอลลีกและเอฟเอคัพได้ในฤดูกาลเดียวกัน ( ฤดูกาล 1960–61 ) [ 3 ] และยังเป็นสโมสรแรกจากอังกฤษที่ชนะเลิศถ้วยยุโรป ภายหลังชนะเลิศ ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ ใน ค.ศ. 1963 รวมทั้งเป็นทีมแรกของอังกฤษที่ชนะเลิศถ้วยยุโรป 2 รายการแตกต่างกัน ภายหลังชนะเลิศ ยูฟ่าคัพ ใน ค.ศ. 1972 สเปอร์ยังเป็นหนึ่งในสองสโมสรของอังกฤษ ( ร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ) ที่ชนะเลิศถ้วยรางวัลได้อย่างน้อย 1 รายการ 6 ทศวรรษติดต่อกัน ( ค.ศ. 1950–2000 ) [ 4 ] ในการแข่งขันในประเทศ สเปอร์ชนะเลิศลีกสูงสุด 2 สมัย, เอฟเอคัพ 8 สมัย, ลีกคัพ 4 สมัย และ เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ 7 สมัย ในการแข่งขันระดับทวีป พวกเขาชนะเลิศยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ 1 สมัย และ ยูฟ่าคัพ 2 สมัย และเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกใน ค.ศ. 2019 สเปอร์มีสโมสรคู่ปรับสำคัญคือ อาร์เซนอล โดยการแข่งขันระหว่างสองทีมเรียกว่า ดาร์บีลอนดอนเหนือ สโมสรมีกลุ่มอีเอ็นไอซีกรุ๊ปบริษัทด้านการลงทุนของอังกฤษเป็นเจ้าของทีมตั้งแต่ ค.ศ. 2001 สเปอร์เป็นสโมสรที่มีมูลค่าทีมสูงเป็นอันดับ 10 ของโลก ด้วยมูลค่า 1.67 พันล้าน ปอนด์ ใน ค.ศ. 2021 [ 5 ] และมีรายรับมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลกด้วยรายได้ 390 ล้านปอนด์ใน ค.ศ. 2020 [ 6 ]
ผู้เล่นของสเปอร์ใน ค.ศ. 1885

Reading:

สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1882 โดยกลุ่มเด็กนักเรียนมัธยม 11 คนซึ่งเป็นสมาชิกชมรม คริกเกต นำโดย บ็อบบี บัคเคิล [ 7 ] โดยใช้ชื่อ ฮอตสเปอร์ เอฟซี โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้นักเรียนได้ออกกำลังกายในช่วงปิดภาคเรียน หนึ่งปีต่อมา กลุ่มนักเรียนได้ร้องขอให้ จอห์น ริพเชอร์ คุณครูสอน คัมภีร์ไบเบิล ใน โบสถ์ ประจำโรงเรียนเป็นประธานสโมสรคนแรก [ 8 ] โดยริพเชอร์ได้ช่วยเหลือทีมทั้งในเรื่องค่าใช้จ่ายและการฝึกซ้อม [ 9 ] ใน ค.ศ. 1884 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น ท็อตนัมฮอตสเปอร์ เอฟซี เพื่อให้ไม่เกิดความสับสนกับสโมสรอื่น ๆ ในกรุงลอนดอนที่ใช้ชื่อว่าฮอตสเปอร์ [ 10 ] และมีการตั้งชือเล่นสโมสรว่า “ สเปอร์ “ และมีฉายาว่า “ ดอกลิลลี่สีขาว (The Lily Whites) “ [ 11 ] ในช่วงแรกทีมยังไม่ลงแข่งขันระดับทางการโดยมีเพียงการเตะอุ่นเครื่องกับสโมสรท้องถิ่น การแข่งขันอาชีพนัดแรกของสเปอร์คือการพบกับทีมท้องถิ่นชื่อว่า Radicals ซึ่งพวกเขาแพ้ไป 0–2 ต่อมา สเปอร์ได้ร่วมแข่งขันฟุตบอลถ้วยทางการครั้งแรกในถ้วยการกุศลของกรุงลอนดอน ในวันที่ 17 ตุลาคม 1885 เอาชนะทีม เซนต์ อัลบาน ไป 5–2 [ 12 ] ต่อมา สเปอร์ได้จดทะเบียนเป็นสโมสรอาชีพในวันที่ 20 ธันวาคม 1895 และได้ร่วมแข่งขันลีกเป็นครั้งแรกใน เซาเทิร์นฟุตบอลลีก สโมสรมีสนามเหย้าแห่งแรกคือ ทอตนัม มาร์เชส แต่ใน ค.ศ. 1897 สนามได้ถูกระงับการใช้งานอย่างถาวรเนื่องจากเกิดสงคราม โดยสเปอร์ได้เช่าบริเวณย่าน นอททัมเบอร์แลนด์ และขอเช่าสนาม นอททัมเบอร์แลนด์ พาร์ค เป็นเวลา 8 ปี ก่อนที่จะย้ายไปยัง ไวต์ฮาร์ตเลน ในปี 1898 และแต่งตั้ง แฟรงค์ เบรดเทลล์ ชาวอังกฤษ เป็นผู้จัดการทีมคนแรก โดยนักเตะคนแรกที่เบรดเทลล์ซื้อมาร่วมทีมคือ จอห์น คาเมรอน จาก สโมสรควีนส์พาร์ก และในปีนั้น สโมสรได้จดทะเบียนเป็นบริษัทอย่างเป็นทางการ [ 13 ] หลังจากคุมทีมได้ฤดูกาลเดียว เบรดเทลล์ได้ย้ายไปคุม พอร์ตสมัท และผู้ที่มาคุมทีมแทนก็คือ จอห์น คาเมรอน ซึ่งเบรดเทลล์เพิ่งซื้อตัวเขามานั่นเอง ซึ่งคาเมรอนได้เซ็นสัญญาในฐานะผู้เล่น–ผู้จัดการทีม โดยยังลงเล่นให้กับสโมสรในตำแหน่ง กองหน้า คาเมรอนนำสเปอร์คว้าแชมป์เซาเทิร์นฟุตบอลลีกได้ในปี 1900 ตามด้วยแชมป์ เอฟเอคัพ สมัยแรกในปี 1901 โดยเอาชนะ เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด ในนัดแข่งใหม่ 3–1 หลังจากเสมอกันในนัดแรก 2–2 [ 14 ] ทำให้สเปอร์เป็นสโมสรจากลีกสมัครเล่นเพียงทีมเดียวจนถึงทุกวันนี้ที่ได้แชมป์เอฟเอคัพ นับตั้งแต่เริ่มมีการนำระบบลีกอาชีพมาใช้ในปี 1888 [ 15 ] คาเมรอนยังพาสเปอร์ได้รองแชมป์ลีกอีก 2 ครั้งในปี 1902 และ 1904 ต่อมา ในปี 1908 คาเมรอนลาออก และเฟรด เคิร์กแฮม เข้ามาคุมทีมต่อ ในปีนั้นสเปอร์ได้ย้ายไปเล่นในดิวิชั่น 2 และได้รองแชมป์ [ 16 ]
อาเทอร์ กริมส์เดล กัปตันทีมของสเปอร์กับถ้วยเอฟเอคัพใน ค.ศ. 1921 ในช่วง ค.ศ. 1912–27 สเปอร์มี ปีเตอร์ แม็ควิลเลียม อดีตนักฟุตบอล ชาวสกอตแลนด์ เป็นผู้จัดการทีม และพวกเขาจบอันดับสุดท้ายในดิวิชั่นหนึ่งฤดูกาล 1914–15 ก่อนที่การแข่งขันฟุตบอลลีกจะหยุดไป 5 ปีเนื่องจากสถานการณ์ สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ต่อมา ฟุตบอลอังกฤษได้กลับมาแข่งขันในฤดูกาล 1919–20 สมาคมฟุตบอลอังกฤษ มีมติเพิ่มจำนวนทีมในลีกสูงสุดจากเดิม 20 ทีม เป็น 22 ทีม โดยให้สิทธิ์ทีมอันดับ 1 และ 2 ในดิวิชั่นสองเลื่อนชั้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ซึ่งได้แก่ ดาร์บีเคาน์ตี และ เพรสตันนอร์ทเอนด์ และในส่วนของโควตาทีมสุดท้ายนั้น สมาคมได้โหวตเลือก อาร์เซนอล ซึ่งอยู่ในดิวิชั่น 2 เลื่อนชั้นขึ้นมาในลีกสูงสุด และให้สเปอร์ซึ่งได้อันดับ 20 ในดิวิชั่น 1 ฤดูกาลล่าสุดต้องตกชั้นไปเล่นดิวิชั่น 2 แทน แม้สเปอร์จะยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลแต่ก็ไม่เป็นผล [ 17 ] แต่สเปอร์ก็เลื่อนขั้นกลับขึ้นมาลีกสูงสุดได้ในเวลาเพียงแค่หนึ่งฤดูกาล ใน ค.ศ. 1921 สเปอร์คว้าแชมป์เอฟเอคัพได้ เอาชนะ วุลเวอร์แฮมป์ตันวอนเดอเรอส์ 1–0 ตามด้วยรองแชมป์ลีกใน ค.ศ. 1922 ทีมมีผู้เล่นชื่อดังในสมัยนั้นคือ อาเทอร์ กริมส์เดล กัปตันทีม แต่หลังจากนั้นพวกเขาเริ่มเข้าสู่ยุคตกต่ำโดยเป็นทีมกลางตารางในอีก 5 ฤดูกาลถัดมา และตกชั้นอีกครั้งในฤดูกาล 1927–28 และแม็คมิลานลาออก ถัดมา ในช่วงทศวรรษ 1930–40 สเปอร์เล่นอยู่ในดิวิชั่น 2 เป็นส่วนมาก ต่อมา ใน ค.ศ. 1949 สโมสรมีผู้จัดการทีมคือ อาเทอร์ โรเวย์ ชาวอังกฤษ ซึ่งเข้ามาปฏิวัติแผนการเล่นของทีมให้เน้นเกมรุกเอาใจแฟน ๆ ด้วยลีลาการเล่นที่เร้าใจ จนได้รับฉายาว่า The “push and run” [ 18 ] โรเวย์พาสเปอร์เลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้งในปี 1950 และคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 1950–51 [ 19 ] ก่อนจะลาออกในปี 1955 เนื่องจากปัญหาสุขภาพ
บิล นิโคลสัน ตำนานผู้เล่นของสโมสร [ 20 ] ได้มาคุมทีมใน ค.ศ. 1958 และถือเป็นยุคทองของสโมสร โดยครองแชมป์ดิวิชั่นหนึ่ง 1 สมัย, แชมป์ เอฟเอคัพ 3 สมัย, ลีกคัพ 2 สมัย, เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ 3 สมัย และยังประสบความสำเร็จในรายการยุโรป โดยได้แชมป์ ยูฟ่าคัพ ( ยูโรปาลีกในปัจจุบัน ) 1 สมัย และแชมป์ ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ อีก 1 สมัย [ 21 ] และสเปอร์ยังได้ร่วมแข่งขัน ยูโรเปียนคัพ ( ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ) เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 1961–62 แต่นิโคลสันก็ถูกปลดในฤดูกาล 1974–75 หลังจากนั้น สเปอร์ก็ยังเล่นอยู่ในลีกสูงสุดอย่างมั่นคง และในปี 1981–82 สเปอร์เป็นแชมป์ เอฟเอคัพ 2 สมัยติดต่อกันในยุคของ คีธ เบอร์คินชอว์ ตามด้วยแชมป์ ยูฟ่าคัพ สมัยที่ 2 ในปี 1984 โดยเบอร์คินชอว์สร้างทีมด้วยนักเตะแกนหลักอย่าง เกล็น ฮอดเดิ้ล ก่อนจะลาทีมในปี 1984 จากนั้น ปีเตอร์ ชรีฟส์, เดวิด พลีท และ ดัก ลิเวอร์มอร์ เข้ามาคุมทีม แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เทอร์รี เวนาเบิลส์ อดีตผู้เล่นของสโมสรเข้ามาคุมทีมในปี 1987 โดยพาสเปอร์คว้าแชมป์เอฟเอคัพและ เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ ได้ในฤดูกาล 1990–91 และเป็นทีมแรกที่ได้แชมป์เอฟเอคัพครบ 8 สมัย นักเตะตัวหลักของทีมในช่วงนั้นได้แก่ พอล แกสคอยน์ และ แกรี่ ลินิเกอร์
ในช่วงปี 1993–2000 สเปอร์คว้าแชมป์เพิ่มได้รายการเดียวคือลีกคัพในฤดูกาล 1998–99 ภายใต้การคุมทีมของ จอร์จ เกรแฮม เอาชนะ เลสเตอร์ซิตี 1–0 ในช่วงนั้นทีมมีผู้เล่นชื่อดังหลายราย เช่น เท็ดดี้ เชอริงแฮม, เยือร์เกิน คลีนส์มัน, คริส อาร์มสตรอง และ ดาวีด ฌีโนลา แต่ผลงานในลีกก็ไม่ดีนักโดยเป็นเพียงทีมกลางตาราง ในทศวรรษถัดมา ทีมยังคงมีผลงานไม่สม่ำเสมอ และเปลี่ยนผู้จัดการทีมหลายคน เช่น เกล็น ฮอดเดิล, เดวิด พลีท, ฌัก ซ็องตีนี และ มาร์ติน โยล ก่อนที่ ฆวนเด รามอส จะเข้ามาคุมทีม และพาทีมได้แชมป์ ลีกคัพ ปี 2008 เอาชนะ เชลซี 2–1 ในช่วงต่อเวลา [ 22 ] แต่ก็ถูกปลดในปีต่อมา [ 23 ] [ 24 ] แฮร์รี เรดแนปป์ เข้ามาคุมทีมต่อในฤดูกาล 2008–09 และพาทีมเข้าชิงชนะเลิศลีกคัพกับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่แพ้จุดโทษ [ 25 ] ต่อมาในฤดูกาล 2009–10 สเปอร์ซึ่งมีผู้เล่นตัวหลักอย่าง แกเร็ท เบล และ ลูกา มอดริช จบอันดับ 4 ในลีกได้สิทธิ์แข่งขัน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 1961–62 [ 26 ] [ 27 ] ใน ฤดูกาล 2010–11 สเปอร์ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกก่อนจะแพ้ เรอัลมาดริด และเรดแนปป์ได้ลาทีมในปีต่อมาเนื่องจากเจรจาสัญญาฉบับใหม่ไม่ลงตัว [ 28 ] อังแดร วีลัช-โบอัช และ ทิม เชอร์วูด เข้ามาคุมทีมต่อในปี 2012 และ 2013 และพาทีมจบอันดับ 5 และ 6 ได้สิทธิ์แข่งขัน ยูโรปาลีก [ 29 ] เมาริซิโอ โปเชติโน [ 30 ] เข้ามาคุมทีมใน ฤดูกาล 2014–15 และพาทีมจบอันดับ 5 รวมทั้งเข้าชิงชนะเลิศ ลีกคัพ ก่อนจะแพ้เชลซี 0–2 [ 31 ] ในปีต่อ ๆ มา สเปอร์ซึ่งมีกองหน้าคนสำคัญอย่าง แฮร์รี่ เคน ยังคงทำอันดับในลีกได้อย่างยอดเยี่ยม โดยจบอันดับสามใน ฤดูกาล 2015–16 และคว้ารองแชมป์ได้ใน ฤดูกาล 2016–17 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1962–63 ในสมัยฟุตบอลดิวิชั่นหนึ่งก่อนจะจบอันดับสามอีกครั้งใน ฤดูกาล 2017–18 และเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกใน ฤดูกาล 2018–19 แต่แพ้ ลิเวอร์พูล 0–2 ต่อมา โปเชติโนถูกปลดใน ฤดูกาล 2019–20 โชเซ มูรีนโย เข้ามาคุมทีมต่อ ก่อนจะถูกปลดใน ฤดูกาล 2020–21 แม้จะพาทีมเข้าชิงชนะเลิศ อีเอฟแอลคัพ ได้ [ 32 ] ไรอัน เมสัน อดีตผู้เล่นสโมสรเข้ามารักษาการต่อ แต่ก็พาทีมแพ้ แมนเชสเตอร์ซิตี ในรอบชิงชนะเลิศ อีเอฟแอลคัพ 0–1 ใน ฤดูกาล 2021–22 สเปอร์แต่งตั้ง นูนู อึชปีรีตู ซังตู เป็นผู้จัดการทีม [ 33 ] แต่ก็ถูกปลดหลังคุมทีมได้เพียง 4 เดือน [ 34 ] และ อันโตนีโอ กอนเต เข้ามาคุมทีมต่อ [ 35 ]
ตราสัญลักษณ์ของสโมสรทอตนัมฮอตสเปอร์เป็นรูปไก่ตัวผู้ที่มีเดือยแหลมคมเหยียบลูกฟุตบอล จึงได้ฉายาในภาษาไทยว่า “ไก่เดือยทอง” ตราสัญลักษณ์นี้มีที่มาจากนัดชิงชนะเลิศเอฟเอคัพในปี 1901 เมื่อแฮร์รี เพอร์ซี ฮอตสเปอร์ บุคคลที่เชื่อกันว่าทางสโมสรได้นำนามสกุลของเขาตั้งขึ้นเป็นชื่อสโมสร ใส่รูปไก่ตัวผู้ลงไปในตราสัญลักษณ์เพื่อให้ผู้เล่นเกิดความฮึกเหิม ต่อมาอีก 8 ปี วิลเลียม เจมส์ สก๊อต อดีตผู้เล่นของสโมสรได้ทำรูปหล่อสำริดไก่ตัวผู้เหยียบลูกฟุตบอลขึ้นมา จึงได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรนับตั้งแต่บัดนั้น โดยสัญลักษณ์รูปนี้ได้ทำการปรับเปลี่ยนมาหลายครั้งในหลายยุคสมัย โดยในยุคทศวรรษที่ 1920 เป็นรูปลักษณ์ที่เรียบ ๆ ต่อมาสมัยก็มีรูปลูกโลกรวมถึงสิงโตคู่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลนอร์ททัมเบอร์แลนด์ของแฮร์รี ฮอตสเปอร์ ทั้งปราสาทบรูซซึ่งตั้งอยู่ใกล้สนามไวท์ฮาร์ทเลน รวมทั้งต้นไม้ 7 ต้น สื่อถึงเซเวนซิสเตอร์ส์ ย่านหนึ่งในลอนดอนเหนือที่ตั้งของสโมสรด้วย พร้อมคติภาษาละตินที่ว่า “Audere Est Facere” (จงกล้าที่จะทำ) ต่อมาในยุคทศวรรษที่ 1980 ได้ตัดรายละเอียดต่าง ๆ ออกไป เหลือเพียงไก่กับสิงโตและคติภาษาละตินเท่านั้น โดยสัญลักษณ์แบบปัจจุบันเกิดขึ้นในปี 2006 [ 36 ]

ในยุคแรก ทอตนัมฮอตสเปอร์มีสนามประจำสโมสรคือ ทอตนัม มาร์เชส แต่เนื่องจากเกิดปัญหาสงครามขึ้นใน ค.ศ. 1897 ทอตนัม มาร์เชส ได้ถูกระงับการใช้งานอย่างถาวร โดยสโมสรได้ไปเช่าบริเวณย่าน นอททัมเบอร์แลนด์ และขอเช่าสนาม นอททัมเบอร์แลนด์ พาร์ค เป็นเวลา 8 ปี ก่อนที่จะย้ายไปยังสนาม ไวต์ฮาร์ตเลน ในปี 1899 [ 37 ] ความจุ 36,230 ที่นั่ง และยังได้รับเลือกให้เป็นสนามฟุตบอลที่สะอาดที่สุดในประเทศอังกฤษ [ 38 ] โดยสนามเป็นพื้นหญ้ายาว 100 เมตร กว้าง 67 เมตร ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ อาชิบัลด์ ลีตช์ ชาวสกอตแลนด์ และสโมสรได้ใช้สนามแห่งนี้จนถึงต้นทศวรรษที่ 2000 ผู้บริหารจึงมีแนวคิดที่จะสร้างสนามแห่งใหม่เพื่อรองรับแฟนบอลที่เพิ่มขึ้น [ 39 ] โดยมีความพยายามที่จะย้ายสนามใหม่ตั้งแต่ปี 2001 โดยจะย้ายไปยังสนามกีฬาในเขตพิคเกตส์ล็อก แต่ไม่ได้รับอนุมัติจากกรุงลอนดอนเนื่องจากสภาพการจราจรที่แออัด รวมถึงแผนการย้ายไปยัง เวมบลีย์ ในปี 2007 แต่ก็ไม่เกิดขึ้น
ในเดือนตุลาคม 2008 สโมสรประกาศแผนการสร้างสนามใหม่ทางทิศเหนือแทนที่ ไวท์ฮาร์ทเลน เนื่องจากต้องการเพิ่มความจุและความทันสมัย โดยทางใต้ของสนามใหม่จะมีเนื่อที่ครึ่งหนึ่งทับซ้อนกันกับทางตอนเหนือของเดอะเลน [ 40 ] โครงการดังกล่าวมีชื่อว่า “นอร์ธัมเบอร์แลนด์” สโมสรเริ่มดำเนินการในเดือนตุลาคม 2009 แต่หลังจากปัญหาต่าง ๆ ทั้งด้านทำเลที่ตั้งและค่าใช้จ่าย สโมสรก็ถูกเพิกถอนโครงการชั่วคราว แต่ผู้บริหารสเปอร์ได้เสนอแผนงานใหม่อีกครั้งโดยมีการเสนอไปที่องค์การอนุรักษ์แห่งอังกฤษ และเลขานุการของรัฐบาล โดย บอริส จอห์นสัน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนในขณะนั้นได้อนุมัติในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2010 ในปี 2011 ระหว่างการดำเนินการโครงการ นอร์ธัมเบอร์แลนด์ ผู้บริหารของสเปอร์มีแนวคิดที่จะย้ายไปยัง สนามกีฬาลอนดอน ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อการแข่งขัน โอลิมปิกฤดูร้อน 2012 และในปีเดียวกัน ได้มีการยื่นข้อเสนอขอใช้สนามจากสองสโมสรคือสเปอร์กับ เวสต์แฮมยูไนเต็ด โดยสเปอร์ได้ชนะในการเสนอราคาครั้งแรก แต่ถอนตัวในภายหลังเนื่องจากปัญหาค่าใช้จ่าย ทำให้เวสต์แฮมได้ใช้สนามกีฬาโอลิมปิกลอนดอนแทน ภายหลังจากความล่าช้าต่าง ๆ ในที่สุด การก่อสร้างสนามแห่งใหม่ได้เริ่มขึ้นในปี 2016 และมีกำหนดเปิดในช่วงฤดูกาล 2018–19 และในระหว่างการก่อสร้าง เกมในบ้านของสเปอร์ทั้งหมดในฤดูกาล 2017–18 ได้ย้ายไปเล่นที่ เวมบลีย์ [ 41 ] หลังจากการทดสอบระบบที่ประสบความสำเร็จสองครั้ง สเปอร์ได้ย้ายเข้าสู่สนามใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2019 [ 42 ] ในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกกับคริสตัลพาเลซ ซึ่งสเปอร์ชนะ 2–0 สนามใหม่นี้มีชื่อว่า สนามกีฬาทอตนัมฮอตสเปอร์ และเป็นบ้านหลังใหม่ของสเปอร์ถึงปัจจุบัน
แฟนบอลสเปอร์ในสนามทอตนัมฮอตสเปอร์สเตเดียมปี 2019 สเปอร์เป็นสโมสรเก่าแก่ที่มีผู้ติดตามมายาวนาน [ 43 ] และมีฐานแฟนคลับที่ใหญ่ใน กรุงลอนดอน [ 44 ] พวกเขาเคยมียอดผู้ชมเกมในสนามเฉลี่ยมากทีสุดในประเทศในช่วงปี 1950–62 และมียอดจำหน่ายบัตรเข้าชมมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2008–09 และสเปอร์เป็นหนึ่งในสโมสรที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลกจากทุกทวีป แฟนคลับรุ่นบุกเบิกของสโมสรมีชื่อเรียกว่า “ ยิดอาร์มี ” ( Yid Army ) ซึ่งหมายถึง ชาวยิว เนื่องจากแฟนคลับแต่ดั้งเดิมของสโมสรเป็นชาวยิวที่ตั้งรกรากในกรุง ลอนดอน ตอนเหนือ แฟนฟุตบอลที่มีชื่อเสียงของสเปอร์ได้แก่ เจสซี เจ นักร้องชื่อดังชาวอังกฤษ [ 45 ] และ เจ. เค. โรว์ลิง นักเขียนนวนิยาย สเปอร์มีเพลงประจำสโมสรที่แฟน ๆ มักร้องเชียร์ในสนามคือ “Glory Glory Tottenham Hotspur” เริ่มใช้ครั้งแรกในปี 1961 ภายหลังจากที่ทีมคว้าดับเบิลแชมป์ได้ในฤดูกาลดังกล่าว และได้ไปแข่งขันฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรก
ทอตนัมฮอตสเปอร์ เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ อาร์เซนอล ซึ่งตั้งอยู่ในย่านลอนดอนเหนือด้วยกัน โดยการแข่งขันระหว่างสองทีมเรียกว่า ดาร์บีลอนดอนเหนือ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการย้ายจากลอนดอนใต้ มายังลอนดอนเหนือของอาร์เซนอลใน ค.ศ. 1913 โดยแต่เดิมนั้น สเปอร์เป็นสโมสรเดียวที่ตั้งอยู่ในย่านลอนดอนเหนือ พวกเขาเปรียบเสมือนความภาคภูมิใจและเป็นสโมสรตัวแทนของคนในย่านนี้ การย้ายมาของอาร์เซนอลจึงเปรียบเสมือนการมาแย่งพื้นที่และฐานแฟนคลับของสเปอร์ ยิ่งไปกว่านั้น จากการมีมติเพิ่มจำนวนทีมในลีกสูงสุดจากเดิม 20 ทีม เป็น 22 ทีมในฤดูกาล 1919–20 โดยสมาคมฟุตบอลอังกฤษได้ให้สิทธิ์ทีมอันดับ 1 และ 2 จากดิวิชั่นสองเลื่อนชั้นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ( ดาร์บีเคาน์ตี และ เพรสตันนอร์ทเอนด์ ) และในโควตาทีมสุดท้ายนั้น สมาชิกสมาคมได้โหวตเลือกให้อาร์เซนอลซึ่งอยู่ในดิวิชั่น 2 เลื่อนชั้นขึ้นมาในลีกสูงสุด ( ดิวิชั่น 1 ) และให้สเปอร์ซึ่งได้อันดับ 20 ในดิวิชั่น 1 ตกชั้นไปเล่นดิวิชั่น 2 แทน และเหตุการณ์ครั้งนั้นได้มีการกล่าวหาว่า เฮนรี นอร์ริส ประธานสโมสรอาร์เซนอลในขณะนั้นใช้วิธีวิ่งเต้นและติดสินบนต่อสมาคม แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานเพียงพอ และนั่นถือเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์ที่สร้างความโกรธแค้นให้แก่สเปอร์และทำให้ความเป็นอริกันของสองสโมสรทวีความรุนแรงมาจนถึงทุกวันนี้ [ 46 ] สโมสรในลอนดอนอื่น ๆ ที่เป็นคู่แข่งกับสเปอร์ได้แก่ เชลซี และ เวสต์แฮม แต่ความเป็นอริและบรรยากาศการเผชิญหน้ากันไม่ดุเดือดเท่าการพบกับอาร์เซนอล [ 47 ]
ตั้งแต่ปี 2006 สโมสรได้ทำงานร่วมกับ Haringey Council และ Metropolitan Housing Trust และชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านกีฬาและกิจกรรมทางสังคมซึ่งได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Barclays Spaces for Sport และ Football Foundation [ 48 ] มูลนิธิทอตนัมฮอตสเปอร์ได้รับการสนับสนุนระดับสูงจาก นายกรัฐมนตรี และเปิดตัวเดือนกุมภาพันธ์ 2007 [ 49 ] ในเดือนมีนาคม 2007 สโมสรได้ประกาศความร่วมมือกับองค์กรการกุศล SOS Children’s Villages UK โดยนำเงินค่าปรับจากผู้เล่นที่ทำผิดวินัยไปช่วยเหลือหมู่บ้านเด็กของมูลนิธิในรัสเตนบูร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ รวมทั้งสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชนที่หลากหลายในและรอบ ๆ เมืองรัสเตนบูร์ก ในปีงบประมาณ 2006 และ 2007 สเปอร์ครองอันดับสูงสุดในอังกฤษในด้านการบริจาคเพื่อการกุศล [ 50 ] คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,545,889 ปอนด์ ซึ่งรวมถึงการบริจาคเงินอีก 4.5 ล้านปอนด์ตลอดระยะเวลาสี่ปี เพื่อจัดตั้งมูลนิธิทอตนัมฮอตสเปอร์ [ 51 ] สเปอร์ยังเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมที่มีชื่อเสียงในโครงการ 10:10 ซึ่งสนับสนุนให้บุคคล ธุรกิจ และองค์กรดำเนินการเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม พวกเขาเข้าร่วมในปี 2007 ด้วยความมุ่งมั่นในการลดการปล่อย ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พวกเขาได้อัพเกรดไฟในสนามเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และหนึ่งปีต่อมา พวกเขารายงานว่าพวกเขาลดการปล่อยคาร์บอนลง 14 % [ 52 ] นอกจากนี้สเปอร์ยังได้ให้เงินสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กยากจนในอังกฤษ รวมถึงการสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่คนยากไร้ การสร้างโรงเรียนอนุบาล และสนับสนุนการจ้างงานกว่า 3,500 ตำแหน่งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “ นอร์ธัมเบอร์แลนด์ ” ในการพัฒนาสนามเหย้าแห่งใหม่
1 ออราสมาเป็นบริษัทลูกของ ออโตโนมี คอร์ปอเรชัน
2 ฮิวเลตต์-แพคการ์ด เป็นบริษัทแม่ของ ออโตโนมี คอร์ปอเรชัน

ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2021[59][60]

หมายเหตุ : ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของ ฟีฟ่า ตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ
หมายเหตุ : ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของ ฟีฟ่า ตามความเหมาะสม เพราะผู้เล่นบางคนอาจถือสองสัญชาติ

  • ข้อมูลล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2021

สำหรับผู้สนับสนุนทอตนัมฮอตสเปอร์ในประเทศไทยที่มีชื่อเสียง ได้แก่ อาทิวราห์ คงมาลัย ( นักร้อง ), อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี ( นักร้อง ) [ 79 ], ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ( นักร้องและนักแสดง ), เพชร มาร์ ( โปรดิวเซอร์-นักดนตรี-นักแต่งเพลงและพิธีกร ), เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ( นักฟุตบอลทีมชาติไทย ) เป็นต้น
ทีมหญิงของสโมสรท็อตนัมฮอตสเปอร์ก่อตั้งในปี 1985 ในชื่อ ” Broxbourne Ladies “ ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อ ” Tottenham Hotspur “ ในฤดูกาล 1991–92 และลงเล่นในลีกสมัครเล่นของฟุตบอลหญิงของอังกฤษ (London and South East Women’s Regional Football League) ซึ่งเป็นลีกระดับสี่ ก่อนจะเลื่อนชั้นขึ้นมาในฤดูกาล 2007–08 และในฤดูกาล 2016–17 พวกเธอชนะเลิศการแข่งขันลีก FA Women’s National League South ซึ่งเป็นลีกระดับสาม และได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในระดับสอง (FA Women’s Championship) [ 80 ] ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2019 หลังเกมที่เสมอกับแอสตันวิลลา 1–1 ส่งผลให้ทีมได้สิทธิ์เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดของฟุตบอลหญิงอังกฤษ ( เอฟเอวีเมนส์ซูเปอร์ลีก ) [ 81 ] และในฤดูกาล 2019–20 สโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น Tottenham Hotspur Women [ 82 ] และในวันที่ 29 มกราคม 2021 สโมสรได้เซ็นสัญญากับ โช โซ-ฮย็อน กัปตันทีมชาติฟุตบอลหญิงเกาหลีใต้ ส่งผลให้สเปอร์เป็นสโมสรแรกที่มีกัปตันทีมชาติจากชาติเดียวกันสองคนทั้งในทีมชายและทีมหญิง ลงเล่นให้สโมสร [ 83 ] โดย ซน ฮึง-มิน ซึ่งเป็นกัปตันทีมชายของ ทีมชาติเกาหลีใต้ ก็เล่นให้กับทีมชายของสเปอร์เช่นกัน