Iron Man
ถ้าใครเคยดู Iron Man 2 จะมีการตีแผ่ช่วงชีวิตของสตาร์กที่สับสนปนเป ทำตัวเหลวแหลก จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าซูเปอร์ฮีโร่ที่มีทุกอย่างจะมีช่วงชีวิตที่ผลิกผันขนาดนี้ได้ด้วยเหรอ ความเป็นมนุษย์ที่โรเบิร์ตได้ถ่ายทอดลงไปในตัวละครสตาร์กนั้น ทำให้คนดูสัมผัสถึงความเรียลที่ออกมาจากข้างใน เพราะช่วงชีวิตของเขาเองนั้นก็เคยเกือบกู้คืนมาไม่ได้เช่นกัน
และถ้าวันนั้นไม่คิดมองย้อนกลับไปถึงตัวเองในอดีตขึ้นมาก่อน คงไม่มี โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ นักแสดงแถวหน้าของฮอลลิวูดอย่างในวันนี้
เติบโตในครอบครัวนักแสดงกับพ่อที่ติดยา – จุดเริ่มต้นของเส้นทางร้าวในชีวิต
โรเบิร์ตเกิดในปี 1965 ที่นิวยอร์ก ในครอบครัวคนบันเทิง พ่อของเขา โรเบิร์ต ดาวนีย์ ซีเนียร์ มีอาชีพเป็นผู้กำกับหนังอินดี้ และ เอลซี แอนน์ แม่ที่เป็นนักแสดงจากหนังของพ่อ ทำให้เขาได้ฝึกฝนการแสดงมาตั้งแต่เด็ก แต่ชีวิตวัยเด็กของเขากลับไม่เหมือนคนอื่น ด้วยความที่มีพ่อติดยา โรเบิร์ตในวัย 6 ขวบ ก็เริ่มเรียนรู้และลองเสพกัญชาเป็นครั้งแรก ทำให้เด็กชายโรเบิร์ตในวันนั้นดื่มด่ำกับสารเสพติด โดยไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงในชีวิตผู้ใหญ่ของเขาในวันข้างหน้า “ เมื่อผมได้เสพยากับพ่อ มันเหมือนกับว่าพ่อกำลังแสดงความรักกับผม และเป็นทางเดียวที่เขาแสดงมันออกมา ”
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
โรเบิร์ตเริ่มต้นอาชีพนักแสดงในวัย 5 ขวบด้วยการเล่นในหนังของพ่อตัวเอง Pound ( 1970 ) จากนั้นก็แสดงเป็นตัวประกอบในหนังของพ่อเรื่อยๆ จนกระทั่งอายุ 10 ขวบ โรเบิร์ตได้มีโอกาสเรียนการแสดงที่ Stagedoor Manor Performing Arts Training Center
แต่แล้วพ่อแม่ก็หย่ากันตอนที่เขาอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น ทำให้โรเบิร์ตต้องย้ายตามพ่อไปที่แคลิฟอร์เนีย และออกจากโรงเรียนไฮสคูลเพื่อทำอาชีพนักแสดงอย่างเต็มตัว
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
เริ่มต้นอาชีพการแสดง ยากเย็นราวกับเข็นครกขึ้นภูเขา
โรเบิร์ตเริ่มอาชีพการแสดงอย่างจริงจังด้วยการเล่นละครเวทีแนวมิวสิคเคิลเรื่อง american mania at the Joyce ในปี 1983 และเริ่มขยับขยายไปเป็นนักแสดงตลกในรายการ Saturday Night Live ในปี 1985 แต่กลับได้รับคำวิจารณ์อย่างหนักหน่วงและถูกนิตยสาร Rolling Stone ตราหน้าว่าเป็นนักแสดงในรายการที่แย่ที่สุด
แต่ว่าเส้นทางนักแสดงของโรเบิร์ตก็ต้องเดินหน้าต่อไป นักแสดงหนุ่มแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการด้วยการรับบทนำในหนัง Less Than Zero ( 1987 ) กับบทเด็กหนุ่มผู้ร่ำรวยแต่ใช้ชีวิตเสเพล ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด แต่แย่หน่อยที่ชีวิตจริงของเขาเหมือนถอดแบบออกมาจากตัวละครไม่มีผิดเพี้ยน แถมยังติดยาหนักขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถหวนกลับมาได้
Less Than Zero
แม้จะเป็นคนขี้ยาแต่ต้องยอมรับว่าฝีมือการแสดงของโรเบิร์ตไม่เป็นสองรองใคร เพราะในปี 1990 เขาได้มีโอกาสร่วมงานกับ เมล กิบสัน ในภาพยนตร์ Air America โดยไม่รู้ว่าชายคนนี้จะมีบทบาทสำคัญในชีวิตของเขาในอนาคตข้างหน้านี้ และในปี 1992 เขาได้รับเสนอบท แชปลิน ใน Charlie Chaplin ที่ทำให้คนรู้จักชื่อของเขามากขึ้น นักแสดงหนุ่มฝึกฝนการเล่นไวโอลิน ตีเทนนิสด้วยมือซ้าย และฝึกท่าโพสแบบเชปปิน จนได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขา นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
Charlie Chaplin
ด้วยฝีมือและได้เชื้อแม่มาแรง ทำให้มีบทหนังดีๆ เสนอเข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Heart and Souls ( 1993 ), Shortcuts ( 1993 ), entirely You ( 1994 ), Natural Born Killers ( 1994 ), Restoration ( 1995 ), Richard III ( 1995 ) เป็นต้น
เมื่อดาวสุกสกวาวต้องร่วงหล่นจากฟ้า เพราะยาเสพติด
จนถึงปี 1996 จุดเริ่มต้นของยุคมืดในชีวิตโรเบิร์ตได้เปิดฉากขึ้น นักแสดงหนุ่มถูกจับกุมเป็นครั้งแรก เพราะครอบครองสารเสพติดจำพวกเฮโรอีน กัญชา และโคเคน และยังพกอาวุธปืนคาลิเบอร์ .357 โดยไม่มีใบอนุญาต แต่พอถูกปล่อยตัวได้เพียงสองอาทิตย์ เพื่อนบ้านก็โทรแจ้งตำรจว่ามีคนบุกรุกที่มาลิบู แต่กลับกลายเป็นโรเบิร์ต ที่เสพยาจนขาดสติ ทำให้เขาถูกทัณฑ์บนและรอลงอาญาอีกสามปี อีกทั้งยังมีหมายเรียกตรวจสารเสพติด แต่กลับไม่ไปตามนัดหมายทำให้เขาถูกจำคุก 6 เดือนที่เรือนจำลอสแองเจลิส
ต่อมาในปี 1999 โรเบิร์ตเมินเฉยต่อหมายเรียกตรวจสารเสพติดทำให้เขาต้องกลับไปติดคุกอีก และยาวนานถึง 3 ปี ทำเขาต้องเสียโอกาสการทำงานไปอย่างมากมาย ทั้งถูกถอดงาน ทั้งไม่มีใครกล้าเสนอบทให้ แต่หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปี โรเบิร์ตก็ได้ถูกประกันตัวด้วยเงินจำนวน 5 พันเหรียญ
แต่ใช่ว่าเข้าออกคุกจะเข็ดเสียเมื่อไหร่ โรเบิร์ตก็ยังควพังอนาคตตัวเอง ด้วยการเสพยาทุกครั้งที่เขามีโอกาส แม้ว่าตอนนั้นเจ้าตัวจะได้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ Ally McBeal และได้เล่นคู่กับนักแสดงสาว คาลิสต้า ฟลอสฮาร์ต แล้ว แต่ถึงจะติดยาไปด้วยแสดงซีรีส์ไปด้วย ทว่าฤทธิ์ของยาเสพติดไม่อาจลดทอนพรสวรรค์ในด้านการแสดงที่เขามีติดตัวมาได้เลย ทำให้เขามีชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy Award สาขา นักแสดงสมทบยอดเยี่ยม จากละครตลก แถมยังชนะรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาเดียวกันนี้ นับว่าเป็นรางวัลใหญ่ครั้งแรกของชีวิตการแสดงของนักแสดงหนุ่มคนนี้ก็ว่าได้
Ally McBeal
แต่ผ่านวันดีๆ ไปไม่ทันไร ในช่วงวันขอบคุณพระเจ้าปี 2000 โรเบิร์ตถูกจับกุมในห้องพักโรงแรม Merv Griffin ’ randomness Hotel and Givenchy Spa ที่แคลิฟอร์เนีย หลังจากบุคคลนิรนามโทรศัพท์ไปแจ้งว่าเขาขาดสติจากการเสพยาและครอบครองเฮโรอีน ทำให้ถูกจำคุกนานถึง 4 ปี 8 เดือน ส่วนซีรีส์ Ally McBeal ที่กำลังทำซีซั่นต่อ ก็ต้องตัดโรเบิร์ตออกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากสัญญา 8 ตอน สุดท้ายของเขาสิ้นสุดลง
Read more: France national football team
ถึงเวลาเข้าสู่จุดเปลี่ยน พร้อมจับมือเทวดาที่ช่วยดึงขึ้นมาจากหุบเหว
ข้ามมาที่ปี 2003 ที่เป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งของชีวิตโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่ตัดสินใจเลิกรากับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด เขาได้นั่งทบทวนกับตัวเองถึงช่วงเวลาที่เกิดมรสุมในชีวิตที่ผ่านมา ก่อนจะตัดขาดกับอุปสรรคที่เข้ามาทำลายชีวิตของเขาอย่างยาเสพติดให้หมดสิ้น จนกระทั่ง เมล กิบสัน เพื่อนนักแสดงที่เคยร่วมงานกันในปี 1990 ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโรเบิร์ตในช่วงเวลาที่ไม่มีใครวางใจเขาอีกต่อไป ด้วยการเซ็นค้ำประกันเพื่อให้โรเบิร์ตได้แสดงหนังเรื่องแรกหลังฟื้นตัวจากหุบเหวอย่าง The Singing Detective กิบสันเทหมดหน้าตักเพื่อช่วยให้เพื่อนเขาคนนี้กับมาโลดแล่นในวงการอีกครั้งด้วยความเชื่อใจ
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ – เมล กิบสัน
และในปีเดียวกันนี้โรเบิร์ตยังได้แสดงบทนำใน Gothika ที่มีโปรดิวเซอร์ โจเอล ซิลเวอร์ และกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำให้นักแสดงหนุ่มได้มีโอกาสพบกับรักแท้ ซูซาน เลวิน ที่ในตอนนั้นเป็นผู้ช่วยของโจเอล
ในปี 2004 โรเบิร์ตได้ให้สัมภาษณ์กับ โอปราห์ วินฟรีย์ ถึงช่วงชีวิตที่ขรุขระของเขาว่า เขาวิ่งเข้าหาความช่วยเหลือ เพราะต้องการบำบัดรักษา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่แก้ปัญหายุ่งยากนี้ด้วยตัวเอง
การได้กลับมาอีกครั้งโรเบิร์ตไม่เคยลืมความหวังดีของกิบสันแม้แต่น้อย เพราะในงาน 5th American Cinematheque Awards เขาได้เลือกนักแสดงรุ่นใหญ่มาเป็นผู้เชิญรางวัล และใช้เวลานั้นพูดยกย่องให้กับชายผู้ที่ทำให้เขาได้กลับมาลืมตาอ้าปากขึ้นมาอีกครั้ง
ฟ้าหลังฝนจนชีวิตสมบูรณ์แบบ
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ – ซูซาน ดาวนีย์
หลังจากที่ได้เพื่อนใหม่และแฟนใหม่ มีงานเข้ามาแบบไม่ขาดสาย ชีวิตเริ่มตั้งตัวได้อีกครั้ง โรเบิร์ตเริ่มอยากสร้างชีวิตครอบครัว อยากเป็นคุณพ่อที่ดีแก่ลูกๆ หลังจากหย่าขาดกับอดีตภรรยา เดบอราห์ ฟอลคูเนอร์ ที่แต่งงานกันเมื่อปี 1992 และมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนคือ อินดิโอ โดยกระบวนการทางกฎหมายได้เสร็จสิ้นในวันที่ 24 เมษายน 2004
พอในปี 2005 โรเบิร์ตก็ได้เข้าพิธีวาห์กับ ซูซาน แม้ว่าก่อนหน้านี้โปรดิวเซอร์สาวจะมีความกังวลที่ต้องเดตกับนักแสดงและคิดว่าความสัมพันธ์จะไม่ยั่งยืน แต่ปัจจุบันทั้งคู่ยังรักกันดี และมีลูกด้วยกันสองคน ลูกชายคนแรก เอ็กซ์ตัน เอเลียส เกิดในปี 2012 และลูกสาว เอวรี โรเอล เกิดในปี 2014 และโรเบิร์ต ไม่ลังเลที่จะแสดงความรักแก่ภรรยาต่อหน้าสื่อทุกครั้ง เมื่อพาเธอไปร่วมงานพรมแดงด้วยกัน
นอกจากนี้ยังมีการเผยอีกว่า ประโยค “ รักนะ 3,000 ( Love You 3,000 ) ” ที่ปรากฏอยู่ในหนัง Avengers : Endgame ลูกของโรเบิร์ตเป็นคนพูดขึ้นมา ทำให้เขานำไปเสนอกับผู้กำกับ จนกลายเป็นซีนที่เขาพูดกับลูกสาวในหนัง จนกลายเป็นประโยคยอดฮิตและเรียกน้ำตาคนดูมาจนถึงตอนนี้
ซูซาน ดาวนีย์ – โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
“I AM IRON MAN”
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
มาถึงยุครุ่งเรืองของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ หลังจากค่อยๆ ไต่ขึ้นมาจากหุบเหวได้สำเร็จ เขาได้รับข้อเสนอให้เล่นเป็นโทนี สตาร์ก หรือ Iron Man ฮีโร่คนแรกที่มาร์เวลวางแผนจะสร้างทีมซูเปอร์ฮีโร่มหากาฬในอนาคตอย่าง The Avengers ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายครั้งแรกในปี 2008 และได้รับควานิยมอย่างถล่มทลาย ทำรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับที่แปดประจำปี 2008 ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 585 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 140 ล้านเหรียญ นอกจากนี้โรเบิร์ตยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดประจำปีของ Time โดยมี เบน สติลเลอร์ เขียนคำนิยมให้
จากนั้นเขาก็ยังได้ทำหนังเดี่ยวของตัวเองจนถึงภาคที่สาม และได้เป็นหนึ่งในทีม Avengers รุ่นแรก ที่อยู่ในใจของแฟนหนังค่ายมาร์เวลตลอดกาล
จนปัจจุบันนี้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ก็ได้กลายเป็นนักแสดงขวัญใจคนทุกรุ่น จนแฟนหนังทั่วโลกของเขาอยากตะโกนบอกว่า “LOVE YOU 3,000”
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
chromium. biography.com, thefamouspeople.com, drugabuse.com, ranker.com, imdb.com