หลี่ เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2506 ในกรุง ปักกิ่ง ประเทศจีน เป็นลูกคนสุดท้องในพี่น้องทั้งหมด 5 คน บิดาเป็นวิศวกร เสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุเพียง 2 ขวบ เขาจึงถูกเลี้ยงดูโดยแม่มาเพียงลำพัง หลี่ พออายุได้ 8 ขวบ เขาก็ได้รับการฝึกฝนวิชา กังฟู ( อักษรจีน : 功夫 ; พินอิน : gōngfu ) หรือ วูซู ใน ภาษาจีนกลาง ( จีนตัวย่อ : 武术 ; จีนตัวเต็ม : 武術 ; พินอิน : wǔshù ) ในช่วงเวลาปิดเทอมภาคฤดูร้อนของทุกปี หลี่อุทิศชีวิตตลอดช่วงวัยเด็กให้กับกีฬาวูซู พอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นได้เป็นตัวแทนนักกีฬาวูซูของประเทศจีนไปแข่งขันยังมหกรรมกีฬาต่างๆมากมาย จนเขาได้เป็น แชมป์เยาวชนกีฬาวูซู 5 ปีซ้อน ต่อมาในปี 1974 หลี่กับทีมของเขาไปแสดงศิลปะการต่อสู้วูซู ต่อหน้าประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน แห่งสหรัฐอเมริกา ในสมัยเรียนวิชาวูซูกับอาจารย์อู๋ปินนั้น หลีมีเพื่อนร่วมรุ่นที่ต่อมามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกคือ เจิ้น จื่อตัน หลังจากนั้น หลี่ก็ผันตัวเองไปเป็นโค้ชทีมกีฬาวูซู เริ่มเข้าสู่วงการแสดงตอนอายุเพียง 20 ปี มีชื่อเสียงในวงกว้างจากภาพยนตร์ ศิลปะการต่อสู้ เรื่อง Shaolin Temple ,1982 หรือชื่อไทย เสี่ยวลิ้มยี่ และมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตกจากบท หวง เฟยหง ในภาพยนตร์ ศิลปะการต่อสู้ เรื่อง Once Upon a Time in China ( 1991 ) หรือ หวงเฟยหง ภาค 1 เขามีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับโลกในกาลต่อมา ในต้นปี 2010 หลี่เปิดเผยว่า จะรับงานแสดงน้อยลง เพื่อที่จะไปทุ่มเทให้กับการทำมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ ชื่อ The One Foundation หลังจากที่เจ้าตัวรอดตายมาจาก เหตุการณ์สึนามิที่ประเทศไทยเมื่อปลายปี 2004 โดยบอกว่าตนพบว่าศิลปะการต่อสู้มิได้ช่วยอะไรให้รอดชีวิตได้เลยเมื่อต้องต่อสู้กับธรรมชาติ และการแสดงต่อไปนี้เป็นเพียงงานอดิเรกเท่านั้น [ 1 ]
Reading: หลี่ เหลียนเจี๋ย
ปัจจุบัน หลี่ ได้ป่วยเป็นโรคเกี่ยวระบบไทรอยด์ ( ไฮเปอร์ไทรอยด์ ) มานานหลายปีแล้ว จึงห่างหายจากการแสดงภาพยนตร์ไปพักหนึ่ง และจะกลับมาแสดงภาพยนตร์ให้กับค่าย ดิสนีย์ ในภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ มู่หลาน ( Mulan ) ที่จะเข้าฉายทั่วโลกในปี 2020 นี้
หลังจากหลี่เป็นโค้ชทีมชาติกีฬาวูซูมานานหลายปี ตอนเขาอายุได้ 20 ปี ถูกแมวมองดึงให้มาเป็นพระเอกภาพยนตร์ ศิลปะการต่อสู้ เรื่อง เสี่ยวลิ้มยี่ ( Shaolin Temple ,1982 ) หนังเรื่องนี้ เป็นงานแจ้งเกิดให้เขาอย่างเต็มตัวในฐานะนักแสดง กังฟู แต่ภาคต่อของหนังชุดนี้คือ Shaolin Temple 2 : Kids from Shaolin ( 1984 ) และ martial Arts of Shaolin ( 1986 ) กลับไม่ประสบความสำเร็จเลย จากนั้น หลี่ก็หันมากำกับหนังของตนเองเป็นครั้งแรก ในเรื่อง Born to Defence ( 1988 ) แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกเช่นกัน จนมารับบท หวง เฟยหง ในภาพยนตร์ ศิลปะการต่อสู้ เรื่อง once Upon a Time in China ( 1991 ) หรือ หวงเฟยหง ภาค 1 เขาจึงโด่งดังเป็นพลุแตกเป็นต้นมา
หลี่ ย้ายเข้ามาอยู่ในฮ่องกง เขาได้ร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังของฮ่องกงอย่าง ฉีเคอะ ( Tsui Hark ) โดยผลงานเรื่องแรกที่ทั้งสองร่วมงานกัน คือ Once Upon a Time in China ( 1991 ) หรือชื่อไทย หวงเฟยหง ภาค 1 หนังประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในฮ่องกงและต่างประเทศ ส่งผลให้ชื่อของ หลี่ เหลียนเจี๋ย เป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกครั้ง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ร่วมงานกันมาเรื่อยๆ อาทิเช่น Swordsman II ( 1992 ) หรือ เดชคัมภีร์เทวดา ภาค 2, The Master ( 1992 ) หรือ ฟัดทะลุโลก, หวงเฟยหง ภาค 2 หรือ Once Upon a Time in China II ( 1992 ), หวงเฟยหง ภาค 3 หรือ Once Upon a Time in China III ( 1993 ), Black Mask ( 1996 ) หรือ ดำมหากาฬ, หวงเฟยหง ภาค 6 พิชิตตะวันตก หรือ Once Upon a Time in China and America ( 1997 ) เป็นเรื่องสุดท้าย หลี่เป็นนักแสดงที่ได้ร่วมงานและมีผลงานร่วมกับผู้กำกับสายแอ็คชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติหลายคนมาก อาทิเช่น หยวน หวูปิง ( Yuen Woo-Ping ) : ในภาพยนตร์เรื่อง หวงเฟยหง ภาค 2 หรือ Once Upon a Time in China II ( 1992 ), The Tai-Chi Master ( 1993 ) หรือ มังกรไท้เก็ก คนไม่ยอมคน, last Hero in China ( 1993 ) หรือ เล็บเหล็กหวงเฟยหง, งานรีเมคของ บรู๊ซ ลี ในเรื่อง Fist of Legend ( 1994 ) หรือ ไอ้หนุ่มซินตึ้ง หัวใจผงาดฟ้า เฉิง เสี่ยวตง ( Tony Ching ) : ในภาพยนตร์เรื่อง Swordsman II ( 1992 ) หรือ เดชคัมภีร์เทวดา ภาค 2, Dr. Wai in “ The Scripture with no Words ” ( 1996 ) หรือ ดร.ไวน์ คนใหญ่สุดขอบโลก หยวนขุย ( Corey Yuen ) : ในภาพยนตร์เรื่อง ฟงไสหยก สู้บนหัวคน หรือ Fong Sai-Yuk I ( 1993 ), ปึงซีเง็ก ปิดตาสู้ หรือ Fong Sai-Yuk II ( 1993 ), The New Legend of Shaolin ( 1994 ) หรือ ห้าพยัคฆ์เสียวลิ้มยี่, The Bodyguard from Beijing ( 1994 ) หรือ เดอะบอดี้การ์ด ขอบอกว่าเธอเจ็บไม่ได้, My Father is a Hero ( 1995 ) หรือ ต้องใหญ่ให้โลกตลึง, High Risk ( 1995 ) หรือ ตายยากเพราะเธอเจ็บไม่ได้ หง จินเป่า ( Sammo Hung ) : ในภาพยนตร์เรื่อง Kung-Fu Cult Master ( 1993 ) หรือ ดาบมังกรหยก ตอน ประมุขพรรคมาร, once Upon a Time in China and America ( 1997 ) หรือ หวงเฟยหง ภาค 6 พิชิตตะวันตก หลี่ ยังมีบริษัทผลิตภาพยนตร์ของเขาเองในนาม “ eastern product ” ผลงานภาพยนตร์ที่ผลิตในนามบริษัทของเขา อาทิเช่น ฟงไสหยก สู้บนหัวคน หรือ Fong Sai-Yuk I ( 1993 ), ปึงซีเง็ก ปิดตาสู้ หรือ Fong Sai-Yuk II ( 1993 ), The Tai-Chi Master ( 1993 ) หรือ มังกรไท้เก็ก คนไม่ยอมคน, Fist of Legend ( 1994 ) หรือ ไอ้หนุ่มซินตึ้ง หัวใจผงาดฟ้า เป็นต้น
Lethal Weapon 4 ( 1998 ) หลังจากเกาะ ฮ่องกง กลับคืนสู่การปกครองของ จีนแผ่นดินใหญ่ ในปี 1997 หลี่ได้หันมาทำงานในฮอลลีวูด มีผลงานใน ฮอลลีวูด ครั้งแรก คือภาพยนตร์เรื่อง Lethal Weapon 4 ( 1998 ) หรือ ริกส์ คนมหากาฬ ภาค 4 หนังแอ็คชันตำรวจภาคต่อโดยร่วมแสดงกับ เมล กิบสัน, แดนนี่ โกลเวอร์, โจ เปสซี, เรเน รุสโซ และ คริส ร็อก หลี่รับบทเป็นตัวร้ายของเรื่องนี้ ในปี 2000 หลี่รับบทนำครั้งแรกในเรื่อง Romeo Must Die ( 2000 ) หรือชื่อไทย ศึกแก็งค์มังกรผ่าโลก นับว่าเป็นหนัง ภาษาอังกฤษ เรื่องแรกของเขาที่รับบทพระเอก หลังจากออกฉายก็สามารถทำรายได้บนตาราง บ็อกซ์ออฟฟิส ใน สหรัฐอเมริกา นานหลายสัปดาห์ติดต่อกัน หลี่ เริ่มประสบปัญหาในการแสดงภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ด สาเหตุจากหนัง ฮอลลีวูด ใช้เวลาในการถ่ายทำค่อนข้างนานเป็นปีต่อเรื่อง เทียบกับหนัง ฮ่องกง หรือ หนังฝั่ง ยุโรป ซึ่งใช้เวลาถ่ายทำเพียงสามหรือสี่เดือนต่อเรื่องเท่านั้น
Read more: The MMS Institute Thailand
ในปี 2001 หลี่จึงตัดสินใจไปแสดงหนังให้กับค่ายหนังฝั่งยุโรป มีผลงานถึง 2 เรื่อง คือ Kiss of the Dragon ( 2001 ) หรือชื่อไทย จูบอหังการ ล่าข้ามโลก โดยเป็นการร่วมงานกันระหว่างเขากับ ลุค เบซอง ผู้อำนวยการสร้างชาว ฝรั่งเศส ร่วมแสดงกับ บริดเจต ฟอนดา และ เชกี คาร์โย ซึ่งหลี่ยังรับหน้าที่อำนวยการสร้างและคิดโครงเรื่องนี้ด้วย และหนังแอ็คชั่น – ไซไฟ เรื่อง The One ( 2001 ) หรือชื่อไทย เดี่ยวมหาประลัย อีกทั้ง หลี่ยังร่วมกับบริษัทหนังอย่าง Icon Production สร้างภาพยนตร์โทรทัศน์ ( Pilot ) แนว กำลังภายใน เรื่อง Invincible (2001) ความยาว 90 นาที ออกฉายเมื่อปี 2001 ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีวิชาการต่อสู้หลายคนมารวมตัวกัน เพื่อทำภารกิจยับยั้งกลุ่มคนที่หวังจะทำลายโลก ในปี 2002 หลี่กลับมาแสดงภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้แนว กำลังภายใน ที่บ้านเกิดอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Hero ( 2002 ) หนังสัญชาติ จีนแผ่นดินใหญ่ กำกับการแสดงโดย จางอี้โหมว ในปี 2003 หลี่กลับมาทำงานใน ฮอลลีวูด รับบทนำร่วมกับนักร้องแร็พเปอร์ ดีเอ็มเอ็กซ์ ใน Cradle 2 the Grave ( 2003 ) หรือชื่อไทย คู่อริ..ถล่มยกเมือง ของผู้อำนวยการสร้าง โจเอล ซิลเวอร์ และผู้กำกับ แอนเดรจ บาร์ตโกเวียก จาก Romeo Must Die ( 2000 ) โดยหลี่รับบทเป็นนักสืบชาว ไต้หวัน ที่ต้องร่วมมือกับนักโจรกรรมเพชร เพื่อตามหาอัญมณีสีดำ โดยในเรื่องนี้หลี่ต้องรับมือกับนักแสดง คิกบ็อกซิง อย่าง มาร์ค ดาคาสคอส เป็นครั้งแรก และสามารถทำเงินขึ้นอันดับหนึ่ง บ็อกซ์ออฟฟิส ในสัปดาห์แรกของการฉายใน สหรัฐอเมริกา ในปี 2005 หลี่กลับทำงานในฝั่ง ยุโรป อีกรอบ ร่วมงานกับ ลุค เบซอง อีกครั้ง ในเรื่อง Danny the Dog ( หรืออีกชื่อ Unleashed ,2005 ) หรือชื่อไทย คนหมาเดือด ร่วมแสดงกับ มอร์แกน ฟรีแมน, บ็อบ ฮอสกินส์ และ เคอร์รี คอนด็อน ซึ่งได้รับการตอบรับกลุ่มแฟนหนังในอเมริกาเป็นอย่างดี ในปี 2006 หลี่ก็กลับมาแสดงศิลปะการต่อสู้ประเภท กังฟู ที่บ้านเกิดอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Fearless ( 2006 ) หรือชื่อไทย จอมคนผงาดโลก เรื่องนี้หลี่เป็นทั้งนักแสดงและผู้อำนวยการสร้าง โดยการกำกับเป็นของ รอนนี่ ยู ( Ronny Yu ) ในปี 2007 หลี่กลับไปทำงานที่ฝั่งยุโรปและได้ร่วมงานกับ เจสัน สเตแธม นักแสดงแอ็คชั่นชื่อดังของโลกชาว อังกฤษ ในภาพยนตร์เรื่อง War ( หรืออีกชื่อ Rogue Assassin ,2007 ) หรือชื่อไทย โหดปะทะเดือด และกลับมาบ้านเกิดแสดงหนังประวัติศาสตร์มหากาพย์สงครามย้อนยุคของจีน เรื่อง The Warlords ( 2007 ) หรือชื่อไทย 3 อหังการ์ เจ้าสุริยา หนังรีเมคภาพยนตร์เรื่อง Blood Brothers ( 1973 ) ของผู้กำกับระดับปรมาจารย์ จางเชอะ ผลงานการกำกับของ ปีเตอร์ ชาน ในปี 2008 หลี่กลับมาทำงานให้ ฮอลลีวูด อีกครั้ง มีผลงานถึง 2 เรื่อง คือ The Forbidden Kingdom หรือชื่อไทย หนึ่งฟัดหนึ่ง ใหญ่ต่อใหญ่ ด้วยทุนสร้าง 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลี่ร่วมแสดงกับนักแสดงแอ็กชั่นชื่อดังอย่าง เฉินหลง เป็นครั้งแรก หลังจากวางแผนจะร่วมงานกันมานานกว่าหลายปี และพึ่งได้มาเจอกันในเรื่องนี้ โดยเนื้อหาอิงจากนิยายเรื่อง ไซอิ๋ว มาบางส่วน ผลงานกำกับของ ร็อบ มินคอฟ ( The Lion King, Stuart Little และ The Haunted Mansion ) โดยได้ทีมงานอย่าง ปีเตอร์ เปา ( ผู้กำกับภาพ ), หยวนวูปิง ( ผู้ออกแบบฉากการต่อสู้ ) และนักแสดงอย่าง หลิว อี้เฟย์, หลี่ ปิงปิง, คอลลิน โชว และไมเคิล แองการาโน และภาพยนตร์ภาคต่อของหนังชุด The Mummy ในตอนใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor (2008) ร่วมแสดงกับนักแสดงชาวฮ่องกง เช่น หยาง จื่อฉยง และ หวง ชิวเซิน พร้อมกับนักแสดงหลักอย่าง เบรนแดน เฟรเซอร์, มาเรีย เบลโล และ จอห์น ฮันนาห์ ในปี 2009 หลี่กลับมาทำงานที่บ้านเกิดร่วมแสดงในหนังประวัติศาสตร์รวมชาติจีน ในภาพยนตร์เรื่อง The Founding of a Republic ( 2009 ) หรือ มังกรสร้างชาติ หนังทุนสร้างโดยรัฐบาลจีน ในปี 2010 หลี่กลับมาทำงานฮอลลีวูดอีกร่วมแสดงนำในหนังแอ็คชันรวมดาราอาวุโสแห่งยุค 80s เรื่อง The Expendables ( 2010 ) หรือชื่อไทย โคตรคนทีมมหากาฬ ภาค 1 โดยประกบกับนักแสดงอย่าง ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน, เจสัน สเตธัม, ดอล์ฟ ลุนด์เกรน, มิกกีย์ รูร์ก, สตีฟ ‘สโตน โคล ‘ ออสติน, แรนดี้ เคาท์เชอร์, บรูซ วิลลิส และ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ และกลับมาบ้านเกิดเพื่อรับบทนำในหนังจีนแนวดราม่าเรื่อง Ocean Heaven ( 2010 ) หนังเล็กๆทุนสร้าง 7 ล้านหยวน โดยเขารับบทพ่อเป็นพนักงานในสวนน้ำแห่งหนึ่ง ที่มีลูกชายป่วยเป็นโรคออทิสติก ซึ่งถือเป็นงานแสดงดราม่าเต็มตัวครั้งแรก โดยไม่มีฉากแอ็คชั่นในหนังแม้แต่ฉากเดียว พร้อมประกาศว่าเขาจะรับงานแสดงน้อยลง เพื่อไปทุ่มเทให้กับงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์กับมูลนิธิของเขาชื่อ The One basis
ในช่วงที่หลี่ทำงานแสดงภาพยนตร์ในต่างประเทศทั้ง ฮอลลีวูด และฝั่ง ยุโรป ในปี 2002 หลี่กลับมาแสดงภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้แนว กำลังภายใน ที่บ้านเกิดในภาพยนตร์เรื่อง Hero ( 2002 ) หนังสัญชาติ จีนแผ่นดินใหญ่ ทุนสร้าง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยรัฐบาลของจีน กำกับการแสดงโดย จางอี้โหมว นำแสดงโดยดาราชื่อดังหลายคน อย่าง เหลียง เฉาเหว่ย, จาง ม่านอวี้, เฉิน เตาหมิง, จาง จื่ออี๋ และ เจิน จื่อตัน โดยเฉพาะเจิน จื่อตัน ถือว่าเป็นการกลับมาร่วมงานกับหลี่อีกครั้ง หลังจากเคยประมือกันมาแล้วใน หวง เฟยหง ภาค 2 หรือ Once Upon a Time in China II ( 1992 ) และภาพยนตร์เรื่อง Hero ทำรายได้ทั่วโลกถึง 177.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2006 หลี่ก็กลับมาแสดงศิลปะการต่อสู้ประเภท กังฟู เรื่องเยี่ยมในภาพยนตร์เรื่อง Fearless ( 2006 ) หรือชื่อไทย จอมคนผงาดโลก เรื่องนี้หลี่เป็นทั้งนักแสดงและผู้อำนวยการสร้าง โดยการกำกับเป็นของ รอนนี่ ยู ( Ronny Yu ) หนังจีนทุนสร้าง 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ว่าด้วยเรื่องราวของ ฮั่ว หยวนเจี๋ย ปรมจารย์กังฟูผู้ต่อสู้กับจิตใจของตน ตั้งแต่เกิดจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต โดยคำโฆษณาที่ใช้ในการโปรโมตหนังเรื่องนี้บอกว่า เป็นหนังศิลปะการต่อสู้ประเภท กังฟู เรื่องสุดท้ายของเขา ทำให้คนทั่วโลกสนใจหนังเรื่องนี้มากขึ้น โดยสามารถขึ้นอันดับหนึ่งในตารางหนังทำเงินทั่ว เอเชีย ยังสามารถทำรายได้อย่างงดงามบนตารางบ็อกซ์ออฟฟิสใน สหรัฐอเมริกา และมีนักแสดงชาวไทยมีโอกาสร่วมแสดงกับหลี่ คือ สมรักษ์ คำสิงห์ ( นักมวยสากลเหรียญทองโอลิมปิก ) ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ในปี 2007 หลี่ได้ร่วมแสดงในหนังประวัติศาสตร์มหากาพย์สงครามย้อนยุคของจีน เรื่อง The Warlords ( 2007 ) หรือชื่อไทย 3 อหังการ์ เจ้าสุริยา หนังรีเมคภาพยนตร์เรื่อง Blood Brothers ( 1973 ) ของผู้กำกับระดับปรมาจารย์ จางเชอะ ผลงานการกำกับของ ปีเตอร์ ชาน ร่วมแสดงนำกับ หลิว เต๋อหัว และ ทาเคชิ คาเนชิโร หนังใช้ทุนสร้างสูงถึง 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงที่สุดในหนังที่พูดภาษาจีนในยุคนั้น โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็น หนังกำลังภายใน อย่างที่เข้าใจกัน และเป็นครั้งแรกในชีวิตการแสดงที่หลี่ต้องรับบทเป็นตัวร้ายในภาพยนตร์ที่พูดภาษาจีน ( บทร้ายในตอนท้ายเรื่อง ) ภาพยนตร์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั่วเอเชีย เปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่งทั้งใน จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย และ สิงคโปร์ โดยตัวหลี่เองได้รับค่าตัวสูงสุดในบรรดาหนังภาษาจีนในยุคนั้น ด้วยค่าตัวถึง 100 ล้านหยวน หรือ 13.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพยนตร์ยังคว้าตุ๊กตาทองฮ่องกง ครั้งที่ 27 มาได้ถึง 8 รางวัล รวมถึงรางวัลใหญ่อย่างรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม คือ หลี่ เหลี่ยนเจี๋ย นั่นเอง
Read more: The MMS Institute Thailand
heighten to Honor VG ( 2004 ) บุคลิกของหลี่ได้ถูกนำไปเป็นตัวละครในเกมมาแล้ว โดยเกมนี้มีชื่อว่า Rise to Honor ผลิตโดย Sony Computer Entertainment America โดยเรื่องราวในเกมอ้างอิงเนื้อเรื่องในหนังแอ๊คชั่นของหลี่ และหลี่ยังเป็นผู้ให้เสียงกับตัวละครของเขาในเกม และได้หยวน ขุย ( Corey Yuen ) ผู้กำกับคิวบู๊คู่หูมาทำหน้าที่ออกแบบท่าทางต่อสู้ในเกมอีกด้วย วางจำหน่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2004 และในแถบยุโรปเดือนเมษายน 2004 จำหน่ายในรูปแบบ เพลย์สเตชัน 2 เท่านั้น
- Ducker, Chris, and Stuart Cutler. The HKS Guide to Jet Li. London: Hong Kong Superstars, 2000.
- Marx, Christy. Jet Li. Martial Arts Masters. Rosen Publishing Group, 2002. ISBN 0823935191.
- Parish, James Robert. Jet Li: A Biography. New York: Thunder’s Mouth Press, 2002. ISBN 1560253762.
- Farquhar, M.(2010) ‘Jet Li: “Wushu Master” in Sport and Film’ in Jeffreys, Elaine. & Edwards, Louise (eds.), Celebrity in China, Hong Kong University Press, Hong Kong pp. 103–124. ISBN 9622090885